• หน้าแรก
  • ผลิตภัณฑ์
  • โปรโมชั่น
  • เพลินจิต
  • ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
ท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์

แนะนำสถานที่เที่ยว ”ญี่ปุ่น” ที่ควรไป หลังเปิดประเทศ

วันที่เผยแพร่: 17 ต.ค. 65

วันนี้แอดมินจะพาทุกคนไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงปลายปี ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมกันค่ะ หลังจากญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่า ไปเที่ยวได้เองไม่ต้องผ่านบริษัททัวร์ และสามารถพำนักในญี่ปุ่นสูงสุด 15 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา แค่เห็นข่าวก็อยากซื้อตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมซะตอนนี้เลย ^^

ข้อมูลจาก Japan National Tourism Organization (JNTO) ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นล่าสุด เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีประมาณ 144,500 คน เพิ่มขึ้นถึง +183.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังน้อยกว่าปี 2019 อยู่ 95.2% แต่หลังจากญี่ปุ่นประกาศฟรีวีซ่า แอดมินคิดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นเกือบเป็นปกติได้แน่นอนค่ะ 

ก็อัดอั้น อยากเที่ยวอ่ะเนอะ ^^

 

นอกจากนี้ทางอุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยวคาดว่าคนไทยจะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เพราะว่าสายการบินจะเริ่มกลับมามีจำนวนเที่ยวบินเป็นปกติ ในเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดด้วยค่ะ เพราะอากาศเริ่มเย็นขึ้นในช่วงเช้าและช่วงค่ำ ท้องฟ้าสว่าง สดใส พอปลายเดือนเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีช่วงพีค ทั้งสีแดง สีเหลือง โดยปกตินักท่องเที่ยวจะเยอะมากในช่วงนี้ เหมาะกับการถ่ายรูปตามเขตภูเขา ริมทะเลสาบ และสวนในวัดและศาลเจ้า แล้วต่อด้วยแช่น้ำพุร้อนแก้หนาว ฟินสุด ๆ เลย เพราะเหตุผลนี้เอง แอดมินเลยรวบรวมสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นที่น่าไปสุด ๆ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมมาให้ผู้อ่านชมกันเพลิน ๆก่อนเตรียมตัวเที่ยวญี่ปุ่นช่วงเทศกาลใบไม้เปลี่ยนสีกันก่อนนะคะ

 

1. ชมถนนต้นแปะก๊วยเปลี่ยนสีที่สวนเมจิจิงกูไกเอ็น (Meiji-jingu Gaien) ที่เมืองโตเกียว

อุโมงค์ใบแปะก๊วยอยู่ใจกลางเมืองโตเกียว เส้นทางยาวประมาณ 300 เมตร ต้นแปะก๊วยจะเริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวไปสู่สีเหลือง ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน ส่วนช่วงที่สวยที่สุดคือปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคม

ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. ถึงต้นเดือนธ.ค. มีเทศกาลต้นแปะก๊วย Jingu Gaien Icho Matsuri ด้วยนะคะ ภายในงานจะมีทั้งของอร่อยประจำท้องถิ่นจากทั่วประเทศ และการแสดงเปิดหมวกมากมายให้ชมกันเพลิน ๆ

*ดูรายละเอียดวันจัดงานได้ที่เว็บไซต์ทางการ Jingu Gaien Icho Matsuri

 

การเดินทาง

ที่อยู่: 2-1 Kita-Aoyama, Minato, Tokyo >> Google Maps

  • เดินจากสถานี Gaien-mae รถไฟใต้ดินสาย Ginza ทางออก 4A ประมาณ 3 นาที
  • เดินจากสถานี Aoyama-itchome รถไฟใต้ดินสาย Hanzomon, Ginza หรือรถไฟ Toei สาย Oedo ทางออกหมายเลข 1 ประมาณ 5 นาที

หากใครอยากมีรูปสวย ๆ ไว้ลงโซเชียล ห้ามพลาดเลยน้า

 

2. ชมสวนโคอิชิกาว่า – โคระคุเอ็น (Koishikawa Korakuen) ที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว

สวนโคอิชิกาว่า – โคระคุเอ็นแห่งนี้ทั้งสวยและเก่าแก่ที่สุดในโตเกียวเลยค่ะ ซึ่งที่นี่ได้ถูกสร้างขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1600 - 1867 และเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ฮอตฮิตที่สุด และยังเห็นวิวเมืองโตเกียวที่มองเห็นทั้งแลนด์มาร์กสำคัญ สลับกับความเป็นธรรมชาติบรรยากาศย้อนยุคกับตึกสูงในเมืองโตเกียว ช่วงปลายพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ทั้งสวนจะเต็มไปด้วยใบต้นเมเปิ้ลสีส้มสลับแดง และบางต้นจะเป็นสีเหลืองทองสวยงามมาก แนะนำว่าไปเช้า ๆหรือวันธรรมดา เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปแบบไม่ติดคนอื่นมากนักนะคะ ^^ ที่นี่มีค่าเข้าชม 300 เยน เข้าชมได้ตั้งแต่ 9:00 - 17:00 น. และปิดทำการช่วงปีใหม่ วันที่ 29 ธันวาคม - 1 มกราคม

 

การเดินทาง

ที่อยู่: 1 Chome-6-6 Koraku, Bunkyo City, Tokyo 112-0004, Japan >> Google Maps

  • เดิน 5-10 นาที จาก Iidabashi Station [JR Chuo Line]
  • เดิน 5-10 นาที จาก JR Suidobashi Station [JR Chuo Line]
  • เดิน 10 นาที จาก Korakuen Station [Marunouchi and Namboku Subway Lines]

 

3. สระน้ำสีฟ้า ชิโรงาเนะอาโออิเคะ จังหวัดฮอกไกโด (Shirogane Blue Pond, Hokkaido)

สระน้ำสีฟ้า ชิโรงาเนะอาโออิเคะ (Shirogane Aoi Ike) เป็นสระน้ำธรรมชาติสีฟ้าใสบริสุทธิ์ที่เกิดจากแร่ธาตุตามธรรมชาติ ช่วงเวลาที่สวยที่สุดคือเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม ถ้ามาช้าเกินไปจะเข้าสู่ฤดูหนาว น้ำในสระจะกลายเป็นน้ำแข็ง สระน้ำสีฟ้าตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Bieigawa ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองบิเอะ ซึ่งจะอยู่บริเวณนอกเมืองน้ำพุร้อนชิโรกาเนะ (Shirogane Onsen) ห่างจากเทือกเขา Tokachi ประมาณ 2.5 กิโลเมตร และใช้เวลาเพียง 5-10 นาที ในการเดินจากที่จอดรถผ่านป่าไปยังสระน้ำ ที่นี่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เก็บค่าเข้าชม

ไม่ว่าจะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีหรือช่วงที่มีหิมะปกคลุมบริเวณรอบสระน้ำสีฟ้า ก็สวยมากเหมือนกันว่าไหมคะ ใครเป็นสายท่องเที่ยวแบบสงบ เลี่ยงที่คนพลุกพล่าน พลาดไม่ได้เลยนะขอบอก! 


การเดินทาง

ที่อยู่: Shirogane, Biei, Kamikawa District, Hokkaido 071-0235, Japan >> Google Maps

  • ขึ้นรถไฟสาย Furano ของ Hokkaido ลงสถานี JR Biei จากนั้นต่อรถบัสสาย Biei-Shirogane Onsen ไปลงที่ Shirogane Aoi-Ike Iriguchi

 

4. เล่นสกีที่กาล่า ยูซาว่า จ.นีงาตะ (Gala Yuzawa Ski Resort, Niigata)

ลานสกี GALA Yuzawa อยู่ในเมืองยูซาว่า จังหวัดนีงาตะ หิมะที่นี่มีคุณภาพดี เนื้อละเอียด มือใหม่ก็สามารถเล่นสกีที่นี่ได้นะคะ หากใครอยากเรียนเค้าก็มีสอนให้ สมัครได้ที่ School Counter ภายใน Ski Center ที่อยู่หลังประตูตรวจตั๋วชินคันเซ็นค่ะ สำหรับค่าเรียนอย่างเดียวอยู่ที่ 5,500 เยน และถ้ารวมกับค่าเช่าอุปกรณ์สกี อยู่ที่ 12,900 เยนค่ะ ดูรายละเอียดได้ที่ >> https://gala.co.jp

จุดเด่นของ GALA Yuzawa นอกจากเล่นสกีแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง เช่น เดินหิมะโดยใช้ "คันจิกิ (Snow-shoes)" หรือรองเท้าสำหรับเดินบนหิมะแบบญี่ปุ่นโบราณด้วยนะคะ ขนาดคนญี่ปุ่นหลายคนก็ยังไม่เคยได้ลองสวมคันจิกิเดินบนหิมะเลย เราไปญี่ปุ่นทั้งทีจะพลาดได้ไงล่ะ! หรือจะนั่งรถสโนว์โมบายล์ชมทิวทัศน์สองข้างทาง หรือกิจกรรมสนุกๆ สำหรับเด็กอย่างการเล่นถาดเลื่อนหรือห่วงยางหิมะ ไปจนถึงการแช่ออนเซ็นภายในรีสอร์ท เพลิดเพลินเต็มที่ได้ทั้งวันเลย

ดูรายละเอียดได้เพิ่มเติมได้ที่นี่เลย >> https://matcha-jp.com

 

การเดินทาง

ที่อยู่: 1039-2 Yuzawa, Minamiuonuma District, Niigata 949-6101, Japan >> Google Maps

ลานสกี GALA Yuzawa กาล่า ยูซาว่า ตั้งอยู่ที่เมืองเอจิโกะยูซาวะ จังหวัดนีงาตะ สามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็นจากสถานีโตเกียว ไปลงที่สถานีกาล่า ยูซาว่า แค่ 90 นาที จะไปเช้าเย็นกลับก็ยังได้ ค้างคืนที่โตเกียวก่อน เช้าไปเล่นหิมะ เย็นกลับเข้าเมืองโตเกียวมาช้อปปิ้ง หาอาหารอร่อยทานได้แบบชิว ๆ

 

5. อุ้มสุนัขจิ้งจอกแดงที่หมู่บ้านจิ้งจอกซาโอะ จ.มิยางิ (Zao Fox Village, Miyagi)

เกร็ดความรู้ สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่สำคัญในประเทศญี่ปุ่น ชาวบ้านมีความเชื่อว่าสุนัขจิ้งจอกมีวิญญาณของเทพอินาริโอคามิ หรือเทพเจ้าของศาสนาพุทธชินโตอยู่ ซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ของการเกษตร (ข้าว, ใบช้า) และความเจริญรุ่งเรือง

หมู่บ้านจิ้งจอกซาโอะแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ซาโอะสกีรีสอร์ท มีสุนัขจิ้งจอกสายพันธุ์ญี่ปุ่นจำนวนหลายร้อยตัวให้ถ่ายรูปเล่น ในหมู่บ้านมีอาหารสำหรับสุนัขจิ้งจอกขายให้นักท่องเที่ยวให้อาหารอย่างใกล้ชิด หรือใครอยากลองอุ้ม ที่นี่ก็สามารถทำได้ แต่เฉพาะจิ้งจอกที่ได้รับการฝึกให้เชื่องแล้วเท่านั้นค่ะ โดยมีค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ 1,000 เยน และสำหรับเด็กอยู่ที่ 400 เยน โดยเปิดให้เข้าชม 9:00 - 17:00 น. (ฤดูหนาวปิด 16:00)


การเดินทาง

  • ที่อยู่: Kawarago-11-3 Fukuokayatsumiya, Shiroishi, Miyagi 989-0733, Japan >> Google Maps
  • เดินทางไปยังสถานี Shiroishi ต่อรถแท็กซี่อีกประมาณ 20 นาที

 

6. แช่ออนเซ็นที่กินซังอนเซ็น จังหวัดยามางาตะ (Ginzan Onsen, Yamagata)

กินซันออนเซ็น (Ginzan Onsen) แห่งนี้เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่มีบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม เป็นอาคารไม้แบบโบราณ บรรยากาศเงียบสงบ มีความอบอุ่น ที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับออนเซ็นที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่นเลยค่ะ

 

ซึ่งการมาแช่ออนเซ็นที่นี่นั้นดีต่อสุขภาพเพราะเป็นออนเซ็นกำมะถันใส ไม่มีสี และมีรสเค็มเล็กน้อย มีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผลโดนบาด, บาดแผลไฟไหม้, โรคผิวหนังเรื้อรัง, โรคเรื้อรังยอดฮิตของผู้หญิง และโรคหลอดเลือดแข็ง มีประโยชน์แถมยังได้ชมวิวหิมะสวย ๆด้วยค่ะ 

แนะนำให้ไปเดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์ ช่วงหิมะเริ่มตก ยิ่งทำให้สวยงามมากขึ้น สำหรับค่าบริการจะแล้วแต่โรงแรมในหมู่บ้านออนเซ็นที่เราเลือกใช้บริการนะคะ

การเดินทาง

  • ที่อยู่: 429 Ginzanshinhata, Obanazawa, Yamagata 999-4333, Japan >> Google Maps
  • ขึ้นรถไฟ Yamagata Shinkansen จากสถานี Tokyo ไปลงสถานี Oishida จากนั้นนั่งรถบัสต่อไปที่ Ginzan Onsen จะมีรถบัสออกทุก 60 - 90 นาที

มาถึงตรงนี้เราได้สถานที่เที่ยวญี่ปุ่นช่วงปลายปีสวย ๆกันแล้ว เตรียมซื้อตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเลยดีกว่า ^^ อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ ประกันเดินทางต่างประเทศ เผื่องบประมาณเล็ก ๆไว้สำหรับส่วนนี้กันด้วยนะ ในบางครั้งเรามักลังเลว่า จะซื้อดีไหมนะ ค่าประกันเดินทางที่เราเสียไปจะคุ้มหรอ ไปเที่ยวไม่กี่วันเอง คงไม่เป็นอะไรหรอก เราแข็งแรงจะตายไป ไม่ป่วยหรอก…เรามักคิดว่าดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว ไม่เป็นอะไรแน่นอน แต่อย่าลืมว่าการเดินทางแต่ละครั้งนั้น มักมีความเสี่ยงตามมาด้วยเสมอนะคะ นั่นคือ "อุบัติเหตุ" นั่นเอง

สมมติว่าเราทำประกันเดินทางไว้ วันที่เราบิน สภาพอากาศเกิดไม่เป็นใจ ดั่งฟ้ากลั่นแกล้ง Y_Y ทำให้เที่ยวบินล่าช้า หรือถูกยกเลิก เราจะได้รับความคุ้มครองโดยได้ค่าชดเชย ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียวค่ะ

หรือถ้ากระเป๋าเราหายหรือขนส่งไปผิดไฟล์ท เจ้าของกระเป๋าถึงญี่ปุ่นแล้ว แต่กระเป๋ายังอยู่ไทย หรือไม่ก็ถูกส่งไปประเทศอื่น เราจะได้รับค่าชดเชยด้วยนะ หายโกรธไปได้ระดับนึงเลย

หรือถ้าเราไปเล่นสกีแล้วเกิดบาดเจ็บขาหัก หรือเกิดแพ้อาหาร เราจะได้รับความคุ้มครองด้านค่ารักษาพยาบาลเนื่องมาจากการบาดเจ็บ หรือการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางอีกด้วย…ถ้าต้องจ่ายค่ารักษาที่ต่างประเทศเอง กระเป๋าตังค์ฟีบได้เลยนะคะ ไม่เสี่ยงดีกว่า ^^

ถ้ามีกรณีอุบัติเหตุร้ายแรงที่สุด ถึงขั้นเสียชีวิต ประกันภัยการเดินทาง ยังมอบความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตด้วยเช่นกัน

 

ดังนั้น การเลือกทำประกันเดินทางในการท่องเที่ยวต่างประเทศ จึงช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้เราได้ 100% เที่ยวสนุกสุดเหวี่ยง      ไร้กังวล ^^ แอดมินขอแนะนำ “ชับบ์ประกันเดินทาง เหมา ๆ 10 วัน ราคาเดียว” เบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 205 บาท เพิ่มความคุ้มครองเสริมได้ตามต้องการ ทั้งเที่ยวบินล่าช้า หรือกระเป๋าหาย

 

คลิกเลย >> https://www.krungsribroker.com

 

ก่อนตัดสินใจทำประกัน แอดมินแนะนำให้ศึกษาแผนประกันอย่างละเอียด เช่น ความคุ้มครองที่จะได้รับ เงินชดเชย เบี้ยประกัน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ kgibsales@krungsri.com ทางเรายินดีให้คำปรึกษาค่ะ อนทนรอเป็นปี ๆจนไปเที่ยวต่างประเทศได้แล้ว ตอนไปเที่ยวก็อยากมีสุขภาพแข็งแรงพร้อมลุย หรือหากเลี่ยงไม่ได้ทั้งเรื่องเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว           การเตรียมพร้อมรับมือไว้ล่วงหน้า ก็ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นได้ เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมให้ประกันเดินทางช่วยดูแลคุณตลอดทริป ด้วยความเป็นห่วงนะ ^^

 

 

เขียนบทความโดย LADYNENA

 

ขอบคุณข้อมูลดี ๆประกอบบทความจาก:

https://www.tourism.jp

https://www.thairath.co.th

http://www.jingugaien-ichomatsuri.jp

http://www.meijijingugaien.jp

https://www.japan.travel

https://matcha-jp.com

https://www.talonjapan.com/koishikawa-korakuen

https://www.talonjapan.com/aoiike-blue-pond

https://www.talonjapan.com/zao-fox-village