• หน้าแรก
  • ผลิตภัณฑ์
  • โปรโมชั่น
  • เพลินจิต
  • ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
ท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์

ฉีดวัคซีนครบแล้ว วางแผนเที่ยวล่วงหน้า พร้อมเมื่อไหร่ ไปได้เลย!

วันที่เผยแพร่: 16 ธ.ค. 64

เริ่มคิดถึงโมเม้นไปเที่ยวต่างประเทศ จองตั๋วเครื่องบิน หาโรงแรมสวย ๆ กันแล้วใช่ไหมคะ ในช่วงนี้หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 เพื่อกลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจในด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัว สำหรับประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมาเป็นวันแรกของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยมากถึง 40 เที่ยวบิน หรือประมาณ 3,000 คน มีทั้งจากทวีปยุโรปและเอเชีย และแน่นอนว่านักท่องเที่ยวทุกคนต้องผ่านการคัดกรองที่เดินทางเข้าประเทศอย่างเข้มงวด ด้านผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดต่างชาติเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ถึงแม้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวยังดูน้อย เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงก่อนโควิด–19 ระบาด แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อแผนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของบ้านเรา 

กลับมาดูที่คนไทยบ้าง ถ้าหากเราต้องการไปเที่ยวต่างประเทศ นอกจากเรื่องการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักแล้วนั้น ถึงแม้ว่าเราได้รับวัคซีนแล้ว แต่เงื่อนไขการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของแต่ละประเทศแตกต่างกัน เช่น บางประเทศกำหนดยี่ห้อวัคซีนสำหรับผู้ต้องการเดินทางเข้าประเทศของตน บางประเทศต้องมีผลตรวจโควิด–19 มายืนยัน และบางประเทศยังคงให้กักตัวก่อนถึงเที่ยวได้ปกติ อ่านแล้วดูยุ่งยากขึ้นมาเลยทีเดียวใช่ไหมคะ แต่หมดห่วงได้เลย แอดมินนำข้อมูล หากฉีดวัคซีนครบแล้ว เราสามารถเดินทางไปเที่ยวประเทศอะไรได้บ้าง 

สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ การเตรียมเอกสาร “วัคซีนพาสปอร์ต” เพื่อรับรองว่าเราฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบทั้ง 2 เข็มแล้ว ร่างกายเกิดภูมิคุ้มกัน สามารถลดการแพร่เชื้อโรคไปสู่คนอื่น และลดความรุนแรงของโรคได้ จากนั้นมาดูว่าประเทศท่องเที่ยวในฝันที่เราอยากไปต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนของอะไรบ้าง เริ่มจากโซนเอเชียกันก่อนนะคะ

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/society/2099636

1. เกาหลีใต้

เนื่องจากในตอนนี้ประเทศเกาหลีใต้ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์ุโอไมครอน จึงยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 โดย สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (KCDA) ออกมาตรการให้นักเดินทางทุกคนที่เข้าสู่เกาหลีใต้ ทั้งผู้ที่มีสัญชาติเกาหลีใต้และชาวต่างชาติ ต้องกักตัวเป็นเวลา 10 วันทันทีที่เดินทางมาถึง ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ก็ตาม โดยเริ่มบังคับใช้เมื่อวันศุกร์ที่ 3 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมา ส่วนชาวต่างชาติที่เข้ามาระยะสั้นจะต้องกักตัวที่ศูนย์กักตัวชั่วคราวซึ่งจัดสรรโดยรัฐบาล ซึ่งเดิมนั้นอนุญาตนักเดินทางต่างชาติ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับอนุมัติ 7 ชนิด ได้แก่ ไฟเซอร์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โมเดอร์นา แอสตราเซนเนก้า โควิชิลด์ ซิโนฟาร์ม และซิโนแวค ครบสองโดส เข้าประเทศได้ไม่ต้องกักตัวดูอาการ

นอกจากนี้เกาหลีใต้ยังมีแผนการเปิด “แทรเวล บับเบิล” กับ “ไทย-สิงคโปร์-ไทเป” ต้องรอติดตามข่าวต่อไป คิดถึงอปป้ากันแล้วล่ะสิแต่หากใครมีแผนจะเดินทางไปเที่ยวที่เกาหลีใต้ แอดมินแนะนำให้เช็คข่าวเป็นประจำนะคะ เพราะสถานการณ์ไม่แน่นอน ปลอดภัยไว้ก่อนจะดีกว่าค่ะ ^^ 

ข้อมูลเพิ่มเติม

https://overseas.mofa.go.kr 

https://www.thairath.co.th

2. ญี่ปุ่น

เมื่อเดือนพ.ย. 64 ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้าเมืองสำหรับผู้ที่มี Vaccine Certificate จาก 50 ประเทศ รวมถึงไทยด้วย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 รัฐบาลญี่ปุ่นจะลดวันกักตัวสำหรับชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักอยู่ในญี่ปุ่น จาก 14 วันเหลือ 10 วัน โดยวัคซีนที่ญี่ปุ่นยอมรับ ได้แก่ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และแอสตราเซนเนก้า ฉีดครบ 2 เข็ม 14 วันล่วงหน้าก่อนเดินทางเข้าประเทศแอสตราเซเนกา

แต่เมื่อมีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์ุโอไมครอน รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายห้ามมิให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดเข้าประเทศเป็นระยะเวลา 30 วัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน (รวมถึงผู้ถือวีซ่า) จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.th.emb-japan.go.jp / https://www.mhlw.go.jp

3. ฮ่องกง

ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2564  ผู้ที่เดินทางออกจาก หรือเคยเดินทางไปยังประเทศกลุ่ม A หรือพื้นที่ความเสี่ยงสูงทั้งหมด 15 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย ต้องกักตัวยาวนานขึ้น ถึงแม้ว่าจะได้รับวัคซีนโควิด-19 มาครบแล้วก็ตาม และต้องเตรียมเอกสารที่รัฐบาลฮ่องกงกำหนดไว้ก่อนเดินทางให้พร้อม ดังนี้

- กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มออนไลน์ Health Declaration Form ของรัฐบาลฮ่องกง เพื่อแสดง QR Code ต่อเจ้าหน้าที่ที่ท่าอากาศยานฮ่องกง โดย QR Code จะมีอายุ 48 ชั่วโมง

- หลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ออกโดยหน่วยงาน ของรัฐบาลฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ มาเก๊า หรือหน่วยงานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้เป็นหน่วยงาน Stringent Regulatory Authority (SRAs)

- แสดงผลตรวจว่าปลอดเชื้อโควิด19 ซึ่งได้ทำการตรวจ เป็นเวลาไม่เกิน 72 ชม. ก่อนกำหนดเวลาเครื่องออก

- แสดงหลักฐานการสำรองห้องพักในโรงแรมกักตัวในฮ่องกง 20 คืน (นับวันที่เดินทางถึงฮ่องกงเป็นวันแรก)

- ในระหว่างการกักตัวจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 6 ครั้ง หลังจากที่ออกจากการกักตัวแล้วจะมีการเฝ้าระวังตัวอีก 7 วัน และตรวจเชื้อโควิด19 ในวันที่ 26 นับจากวันที่เดินทางถึงฮ่องกง ที่ศูนย์ตรวจหาเชื้อฯ ของรัฐบาลฮ่องกง (Community Testing Centre)

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.hongkongairport.com

4. สิงคโปร์

วันที่ 14 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา สิงคโปร์เริ่มโครงการ "ทราเวล เลน" (travel lane) ให้ผู้เดินทางจากประเทศไทยเข้าสู่ประเทศสิงคโปร์ไม่ต้องกักตัว 14 วันเพื่อสังเกตอาการ

เพียงแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดส มีผลทดสอบ Polymerase Chain Reaction (PCR) หรือผลตรวจ Antigen Rapid Test (ART) ภายใน 2 วันก่อนเดินทางไปสิงคโปร์ และต้องทดสอบ PCR เมื่อเดินทางมาถึงอีกครั้งเพื่อยืนยันผลการตรวจการติดเชื้อ 

แอดมินอยากไป Gardens by the Bay แล้วไปช้อปปิ้งต่อที่ถนนออร์ชาร์ด แล้วนะเนี่ย

ข้อมูลเพิ่มเติม https://safetravel.ica.gov.sg

5. สหรัฐอเมริกา

เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 64 รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศข้อบังคับสำคัญสำหรับชาวต่างชาติ และชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ที่ต้องการเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ผ่านการรับรองเป็นกรณีฉุกเฉินจากองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ให้ครบก่อนการเดินทาง โดยการฉีดวัคซีนครบตามเงื่อนไขของวัคซีนแต่ละแบบ ต้องเกิดขึ้นนานไม่ต่ำกว่า 14 วันก่อนการเดินทาง เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา

วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติ ได้แก่ ไฟเซอร์ แอสตราเซเนก้า/ออกซฟอร์ด (รวมถึง โควิชิลด์ ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของวัคซีนแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ที่ผลิตในอินเดีย) จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โมเดอร์นา ซิโนฟาร์ม และซิโนแวค

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.dailynews.co.th/

6. สหราชอาณาจักร

นับจากวันที่ 11 ต.ค. 64 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวจากประเทศที่ไม่มีความเสี่ยงสูง (Red List) สามารถเข้าประเทศได้ทันทีโดยไม่ต้องกักตัว แต่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนครบโดส ประเทศไทยเคยอยู่ใน Red List มาก่อน แต่ปัจจุบันไทยถูกถอดออกจาก Red List แล้ว เราสามารถเข้าอังกฤษได้ทันที โดยต้องเข้าเงื่อนไขเป็นผู้ที่ได้รับการพิจารณาว่า “ได้รับวัคซีนครบถ้วน” ต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนอย่างน้อย 14 วัน ก่อนเดินทางมาถึงอังกฤษ ตามยี่ห้อ ดังนี้ แอสตราเซนเนก้า (รวมล็อตที่ผลิตในไทยด้วย) ไฟเซอร์ โมเดอร์นา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม โคแวกซิน

นอกจากนี้อังกฤษประกาศยืนยันว่าคนที่ฉีด “วัคซีนผสม” สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ และไปเที่ยวได้เลยโดยไม่ต้องกักตัว แต่ต้องเป็นวัคซีนผสมระหว่าง 3 ยี่ห้อนี้เท่านั้นนะ ได้แก่ แอสตราเซเนก้า โมเดอร์น่า และไฟเซอร์ ถ้าฉีดแอสตราเซเนก้าเข็มแรก และฉีดโมเดอร์น่าเข็ม 2 แบบนี้ถือว่าไม่มีปัญหาแล้ว โดยเข็มที่ 2 จำเป็นต้องฉีดก่อนเข้าอังกฤษ 14 วัน

ในส่วนของหลักฐานการฉีดวัคซีน หากได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน ต้องมอบใบรับรองการฉีดวัคซีนเป็นหลักฐาน เป็นภาษาอังกฤษ และเอกสารต้องออกโดยหน่วยงานสาธารณะสุขระดับชาติหรือระดับรัฐ ที่มีการระบุ ชื่อ-นามสกุล วันเกิด ยี่ห้อวัคซีนและผู้ผลิต

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.gov.uk

7. สหภาพยุโรป

ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรปห้ามผู้เดินทางทั่วไปเข้าไปในกลุ่มประเทศ EU 27 ประเทศ ยกเว้นการเดินทางด้านธุรกิจที่จำเป็นเท่านั้น อนุญาตให้นักเดินทางจาก 7 ประเทศเท่านั้น ที่เดินทางเข้ากลุ่มประเทศ EU ได้แบบไม่มีธุระจำเป็น แปลว่านักท่องเที่ยวสามารถไปได้ ถ้าไม่กลัวโควิดนะ ได้แก่ นักเดินทางจากประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รวันดา เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และประเทศไทย เนื่องจากประเทศเหล่านี้สามารถควบคุมการติดเชื้อโควิดได้ดี

สำหรับปัจจุบัน ทาง EU เริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยว โดยต้องฉีดวัคซีนครบสองโดส และฉีดโดสสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทาง เพื่อให้ภูมิคุ้มกันทำงานเต็มที่ แต่ยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศที่มีอยู่นะคะ อย่างเช่น การตรวจเชื้อโควิดก่อนหรือหลังเดินทางไปถึง การกักกันโรค เป็นต้น

สำหรับวัคซีนที่องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) รับรอง มี 4 ยี่ห้อ ได้แก่ วัคซีนไฟเซอร์ โมเดอร์นา แอสตราเซเนก้า (ใช้ในเมืองไทย) และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J)

นอกจากนี้เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน หรือ Vaccine Passport สำคัญมาก ๆเลย วัคซีนพาสปอร์ตของยุโรปคือ Green Digital Certificate เป็นใบผ่านทางสำหรับ ผู้ที่ฉีดวัคซีน 4 ยี่ห้อครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วันก่อนเข้าประเทศ เตรียมให้พร้อม ไปเที่ยวจะได้อุ่นใจนะคะ ^^

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.consilium.europa.eu

นอกจากประเทศเราเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัวตามเงื่อนไขไปแล้ว ผู้อ่านสามารถเช็คว่าคนไทยสามารถเดินทางไปเที่ยวประเทศไหนได้บ้างโดยไม่จำเป็นต้องกักตัว เพิ่มเติมได้ เพื่อการตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ :-)

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/local/2232469 

แอดมินหวังว่า ข้อมูลจากบทความนี้ จะช่วยกระตุ้นต่อมอยากเดินทางของผู้อ่านไม่มากก็น้อยเลยใช่ไหมคะ :D และช่วยวางแผนไปเที่ยวต่างประเทศได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ก่อนเดินทางไปประเทศไหนก็ตาม แอดมินแนะนำให้ผู้อ่านตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของแต่ละประเทศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามสถานการณ์โควิด 19 ด้วยความห่วงใยนะคะ ^^

มีใครบ้างไม่อยากไปเที่ยวล่ะเนอะ เพราะการเดินทางท่องเที่ยวทำให้เรารีสตาร์ตร่างกายและจิตใจให้สดใส แต่ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพของตัวเองและครอบครัวให้แข็งแรง พร้อมไปเที่ยวได้แบบมีความสุข ด้วยความรักและความห่วงใย แอดมินขอแนะนำ “ แผนประกันสุขภาพแฮปปี้ เฮลธ์ แคร์ ” แบบมีจำนวนเงินความรับผิดส่วนแรก ช่วยให้คุณหมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เมื่อค่ารักษาจากสวัสดิการไม่เพียงพอ พร้อมลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาทต่อปี*

คลิกเลย >> https://www.krungsribroker.com/health-insurance

ก่อนตัดสินใจทำประกัน แอดมินแนะนำให้ศึกษาแผนประกันอย่างละเอียด เช่น ความคุ้มครองที่จะได้รับ เงินชดเชย เบี้ยประกัน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ kgibsales@krungsri.com ทางเรายินดีให้คำปรึกษาค่ะ สุขภาพดีเป็นลาภอันประเสริฐ แม้วันนี้ยังแข็งแรง แต่อนาคตไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าโรคร้ายจะไม่ถามหา ทางที่ดีที่สุดคือการดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพ รวมถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างการทำประกันก่อนวันนั้นมาถึง ด้วยความเป็นห่วงนะ ^^