พิกัดลับญี่ปุ่นสำหรับคนรักธรรมชาติ
เที่ยวญี่ปุ่น กับอีกหนึ่งเมืองน่าสนใจอย่าง นาโกย่า (Nagoya) เมืองสุดทันสมัยในจังหวัดไอจิ แห่งภูมิภาคจูบุ ซึ่งเป็นภูมิภาคทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น
สถานที่ท่องเที่ยวในนาโกย่า
1.ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) ปราสาทที่ได้รับการบูรณะจนงดงาม
ปราสาทนาโกย่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนาโกย่าที่คุ้นเคยกันดี จุดที่น่าสนใจคือเท็นชุคาคุ ซึ่งด้านบนสุดมีชาจิโฮโกะสีทอง เทพพิทักษ์ปราสาทเปล่งประกายระยิบระยับอยู่
เนื่องจากอยู่ในระหว่างการบูรณะโครงสร้างไม้ ขณะนี้จึงไม่อาจเข้าชมภายในตัวปราสาทได้จนถึงปี 2022 แต่สามารถชมฮมมารุโกะเด็นหรือพระราชวังฮมมารุ (Hommaru Palace) ที่สร้างขึ้นใหม่ตามแบบเดิมเมื่อ 400 ปีก่อนทุกอย่าง และคินชาจิ โยโกะโจ (Kinshachi Yokocho) โซนร้านอาหารยอดฮิตที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 2018 เป็นแหล่งรวมของอร่อยของนาโกย่าไว้ครบครัน โดยเฉพาะพระราชวังฮมมารุซึ่งเดิมเป็นที่พำนักและเรือนรับรองของผู้ครองแคว้น
2. มาสักการะศาลเจ้าชินโตที่ ศาลเจ้าอาสึตะ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,900 ปี เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าอามาเทระสุ (Amaterasu) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบุตรีแห่งพระอาทิตย์ อีกทั้งยังเป็นที่เก็บรักษาวัตถุโบราณชิ้นสำคัญ เช่น ดาบคุซานางิ (Kusanagi-no-Tsurugi) 1 ใน 3 ของเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ประจำจักรพรรดิญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมี หอสมบัติ สถานที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่าจากราชวงศ์จักรพรรดิ ที่จะหมุนเวียนให้ชมทุกๆ เดือน
3.คามิโคจิ (Kamikochi) เส้นทางธรรมชาติสำหรับคนรักธรรมชาติ
Kamikochi เป็นอีกหนึ่งในจุดหมายของนักท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบและศึกษาธรรมชาติ โดยบรรยากาศรอบๆ ล้อมไปด้วยธรรมชาติมากมาย ภูเขาสวย น้ำใส รวมถึงสัตว์ต่างๆ
โดยรวมมีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในจังหวัดนากาโน่ (Nagano) และเป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติชูบุซังกาคุ (Chubu Sangaku National Park) ลักษณะเป็นที่ราบทอดยาวไปตามแม่น้าอาซุสะ
ช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวคามิโคจิ ตามกำหนดการแล้วนั้น คามิโคจิจะเปิดเส้นทางให้นักท่องเที่ยวระหว่างกลางเดือนเมษายน – กลางเดือนพฤศจิกายนเท่านั้น
สำหรับเราเลือกไปช่วงกลางเดือนพฤษภาคม จึงเจอฝนบ้างเล็กน้อย
การเดินทาง
เราออกเดินทางจากโตเกียว โดยเลือกเดินทางโดยรสบัส ซึ่งออกจากสถานี Shinjuku ประมาณเวลา 7 โมงเช้า
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง รสบัสจะมาส่งถึงที่สถานี Kamikochi ประมาณเที่ยงวัน
เนื่องจากวันแรกฝนตก เราเลยต้องพกร่มไปทุกๆที่ และฟ้าก็ปิด ทำให้การเดินทางของเรานั้นค่อนข้างลำบาก การเดินไปบึง Myojin นั้นจะเป็นทางธรรมชาติล้วนๆ มีต้นไม้ตลอดทาง แต่ว่าการเดินทางนั้นไม่ได้ลำบาก สามารถพาพ่อแม่ หรือลูกๆมาเดินเล่นได้ เราเริ่มออกเดินทางโดยที่รู้สึก fail นิดหน่อย เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ
แต่พอออกเดินทางไปประมาณ 10-20 นาที เรามองไปรอบๆ แล้วก็ตกใจและแปลกใจ เพราะว่าถึงแม้สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ฟ้าไม่ใส แต่ว่าธรรมชาติรอบๆ นั้น กลับสวยงามผิดคาด ทุกๆอย่าง สวยงามกว่าที่เราเคยไปเดินธรรมชาติหลายๆ
ทำให้เราตื่นเต้นแล้วก็เดินชมวิวไปเรื่อยๆ และหยิบมือถือแล้วก็ถ่ายรูปไป โดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เดินไปเพลินๆ
เราตื่นมาตอนเช้าตี 5 เพื่อเริ่มเดิน แต่ก็แปลกใจเพราะว่าที่นี่สว่างเหมือน 7 โมงเช้าที่ไทย เราจึงเริ่มออกเดินทาง ซึ่งวันนี้เราโชคดี ฝนฟ้าอากาศเป็นใจให้เรา เพราะว่าเช็คอากาศใน app ฟ้าเปิดทั้งวัน
วันนี้เราออกเดินทางไป Taisho pond ซึ่งเป็นทางเดินที่จะเดินเลียบแม่น้ำตลอดสาย ถ้าเทียบกับเมื่อวานที่เราคิดว่าสวยแล้ว วันนี้ทุกอย่างสวยกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า น้ำใสและสวย ไม่ว่าจะถ่ายรูปวิวมุมไหน ก็สามารถเอาไปลง Social ได้อย่างไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สวยเลย
แต่เราก็มีอุปสรรคบ้างเนื่องจากแดดค่อนข้างร้อน เพราะว่าถ้าฟ้าเปิดและวิวสวย แสดงว่าแดดจะต้องแรงมากเช่นกัน 😊
สรุปการเดินทาง
เป็นอีก 1 ที่ ที่มาญี่ปุ่นแล้วไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะจากประสบการณ์เราแล้ว สถานที่นี้ถือเป็นที่ที่สวยเป็นอันดับ 1 จากที่เราเคยไปทั้งหมดในชีวิต
แต่เราควรเตรียมพร้อมเรื่องสภาพอากาศ เช็คให้ดีก่อนที่เดินทางว่าวันหรือเวลาที่เราเลือกไปนั้น สภาพอากาศเป็นใจให้เราท่องเที่ยวหรือไม่ และในปี 2024 นี้ นักท่องเที่ยวเริ่มจะรู้จัก Kamikochi และมาสถานที่นี้ค่อนข้างเยอะทำให้ความสงบน้อยลง แต่ถ้าท่องเที่ยวแบบที่เราแนะนำไปข้างต้น เราจะได้ชมธรรมชาติแบบสงบ เพราะว่าเวลากับสถานที่ที่เราเลือกนั้น จะไม่ตรงกับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มากับ Tour Guide
สุดท้ายนี้ ถ้ามีโอกาสได้มาท่องเที่ยวดินแดนปลาดิบแล้ว การได้มาชมธรรมชาติที่ Kamikochi ก็อยู่ในสิ่งที่ไม่ควรพลาดค่ะ เพื่อการเที่ยวอย่างสบายไร้กังวลอย่าลืมประกันเดินทาง เพื่อดูแลเราระหว่างท่องเที่ยวได้อย่างไรกังวล
บทความโดย: YUKII :)