• หน้าแรก
  • ผลิตภัณฑ์
  • โปรโมชั่น
  • เพลินจิต
  • ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
ท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์

คุณพ่อคุณแม่มาเตรียมตัว..เลือกคาร์ซีท Car seat สำหรับลูกน้อยกันเถอะ!

วันที่เผยแพร่: 01 มิ.ย. 65

จากกฏหมายบังคับให้ใช้ “คาร์ซีท” สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปีต้องนั่ง "คาร์ซีท" โดยพรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2565 ประกาศใช้มีสาระสำคัญ เกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กในมาตรา 123 กล่าวว่า เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี หรือผู้โดยสารที่สูงไม่เกิน 135 ซม. ต้องนั่งคาร์ซีท บูสเตอร์ซีท หรือคาดเข็มขัดนิรภัย หากไม่ปฏิบัติ มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และจะมีผลในอีก 120 วันข้างหน้า หรือวันที่ 5 กันยายน 2565 นั้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หลายคน ก็คงเริ่มที่จะมองหาข้อมูลเกี่ยวกับคาร์ซีทกันว่าจะเลือกซื้อ Car Seat แบบไหน? อย่างไร? สำหรับลูกน้อยดี ให้เหมาะกับรถและลูกน้อยของแต่ละคน!  วันนี้ทางเพลินจิต ตามติดชีวิตอินเทรน์ มีข้อมูลเกี่ยวกับคาร์ซีทมาฝากคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ หรือคุณพ่อคุณแม่ที่มีเบบี๋แต่ยังไม่มีคาร์ซีทกันมาฝากค่ะ

เราใช้คาร์ซีทแล้วปลอดภัยกว่าจริงหรือไม่?

คาร์ซีท (Car Seat) คือที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เนื่องจากที่นั่งและเข็มขัดนิรภัยของรถไม่เหมาะกับสรีระของเด็ก คาร์ซีทจึงดีไซน์มาเพื่อปกป้องและป้องกันเด็กจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วยลดความรุนแรงในการบาดเจ็บและกันไม่ให้เด็กเสียชีวิต คาร์ซีทสามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่เป็นเด็กทารกจนถึงอายุ 12 ปี

มีงานวิจัยจากสหรัฐอเมริกาโดย National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) พบว่าเด็กที่ไม่นั่งคาร์ซีทมักจะได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์มากกว่าเด็กที่นั่งในคาร์ซีทถึง 3 เท่า ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกคาร์ซีทที่ถูกต้องคือสิ่งสำคัญเช่นกัน หลายคนอาจคิดว่าแค่ให้เด็กนั่งคาร์ซีทแบบไหนก็ได้ก็คงเพียงพอแล้ว แต่ผลการศึกษายังพบว่าเด็กที่นั่งคาร์ซีทที่มีขนาดไม่พอดีกับตัวก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บมากถึงสองเท่าเช่นเดียวกัน

 

ประเภทของคาร์ซีท (Car seat) ตามการใช้งาน

การเลือกซื้อคาร์ซีทคุณพ่อคุณแม่ควรต้องคำนึงถึงอายุ ขนาดตัว และน้ำหนักของเด็ก ทั้งนี้โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ค่ะ

 

แบบที่ 1 คาร์ซีทเด็กแรกเกิด (Baby Car Seat) หรือ Rearward Facing Baby Seat 

  • สำหรับเด็กแรกเกิด ถึง 13 กิโลกรัม (ช่วงอายุ 0-2 ปี) คาร์ซีตแบบหันหน้าเข้า คือ คาร์ซีทที่ต้องติดตั้งด้วยวิธีหันหน้าเด็กเข้าหาเบาะ ใช้กับเด็กแรกเกิด คาร์ซีทแบบนี้จะสามารถปกป้องศีรษะ คอ และกระดูกสันหลังของทารกได้ดีกว่าคาร์ซีทที่หันไปด้านหน้า มักมีด้ามจับอยู่ด้านบนและต้องติดตั้งโดยหันหน้าเข้าหาเบาะหลังเท่านั้น

แบบที่ 2 คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก (Car Seat for toddlers) หรือ Reward or Forward Facing Child Seat 

  • สำหรับเด็กน้ำหนัก 9-18 กิโลกรัม (ช่วงอายุ 2-7 ปี) คาร์ซีทแบบหันหน้าออก คือ คาร์ซีทที่ติดตั้งด้วยวิธีหันหน้าเด็กไปทางเดียวกับคนขับ หรือหันหน้าตรงไปยังกระจกด้านหน้ารถ คาร์ซีทประเภทนี้ออกแบบให้มีสายรัดจำกัดการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าของเด็กในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และยังมาพร้อมกับสายรัดสำหรับการยึดที่นั่งไว้ด้วย

แบบที่ 3 คาร์ซีทสำหรับเด็กโต หรือ บูสเตอร์ซีท Booster Seats 

  • สำหรับเด็กที่มีน้ำหนัก 9-13 กิโลกรัมขึ้นไป (เด็กช่วงอายุ 4-12 ปี) เป็นคาร์ซีทสำหรับเด็กที่มีขนาดตัวโตเกินกว่าขนาดของคาร์ซีทธรรมดา แต่ยังไม่โตพอที่จะสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยของรถได้เต็มที่ สายคาดควรพาดผ่านกระดูกเชิงกราน หน้าอก และไหล่ของเด็ก ส่วนเข็มขัดคาดเอวควรพาดผ่านอุ้งเชิงกรานโดยให้เส้นทแยงมุมอยู่เหนือไหล่ไม่ใช่ที่คอ ควรนั่งจนถึงลูกส่วนสูงถึง 140 ซม. จึงเปลี่ยนมานั่งเบาะธรรมดาและคาด Seat Belt แบบผู้ใหญ่

How to วิธีเลือกซื้อคาร์ซีทอย่างไร ให้ปลอดภัย..

การเลือกคาร์ซีท สิ่งที่ควรคำนึงคือลักษณะการจากการใช้งาน ไม่ว่าจะเดินทางระยะสั้นหรือเดินทางระยะยาว ความเหมาะสมกับตัวเด็ก ความเหมาะสมกับรถยนต์ รวมถึงความง่ายในการติดตั้ง เพราะหากเราเลือกไม่เข้ากับลูกน้อย ลูกน้อยของท่านอาจรู้สึกไม่สบายและร้องไห้ระหว่างทางได้ ดังนั้นเราควรเลือกอย่างไรมาดูกันเลยค่ะ

1. ควรมีป้ายรับรองมาตรฐาน

รถยนต์ที่เลือกใช้กับเบาะนั่งนิรภัยนั้นต้องมีอุปกรณ์และระบบที่เหมาะสม การเลือกซื้อคาร์ซีททั้งที เราควรตรวจดูให้แน่ชัดว่าคาร์ซีทรุ่นนั้น ๆ ได้รับการทดสอบและมีป้ายรับรองมาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่ โดยป้ายรับรองมาตรฐานการทดสอบได้แก่

o   ISOFIX รับรองโดย UN Standard R129 (i-size) รถยนต์ที่รองรับคาร์ซีตแบบนี้จะมีช่อง ISOFIX (Latch) ได้แก่ รถยุโรป และรถญี่ปุ่นปี 2014 เป็นต้นไป

o   มาตรฐานยุโรป ECE Regulation 44.04/44.03 จะมีสติกเกอร์มาตรฐานติดอยู่กับคาร์ซีตที่จำหน่าย

โดย ECE R44 เป็นมาตรฐานที่ทดสอบการกระแทกด้านหน้าและด้านหลังของตัวคาร์ซีท และ UNr 129 จะเป็นการทดสอบการกระแทกจากด้านข้าง

2. ระบบเข็มขัดรัด 5 จุด

ระบบเข็มขัดรัด 5 จุด หรือสายรัดนิรภัยสำหรับเด็กแบบ 5 จุด เป็นระบบเข็มขัดรัด ที่จะช่วยยึดร่างกายในบริเวณที่แข็งแรง ได้แก่ หัวไหล่ และสะโพก ซึ่งบริเวณที่อ่อนแอในร่างกายโดยเฉพาะบริเวณท้อง หน้าอก จะได้รับการปกป้องได้เป็นอย่างดี และไม่ถูกกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งการใช้คาร์ซีทที่มีระบบเข็มขัดรัด 5 จุด จะปลอดภัยมากกว่าระบบเข็มขัดนิรภัย 3 จุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อยได้มากกว่า โดยเฉพาะกับเด็กช่วงแรกเกิด - 4 ปี

3. ความใหม่ของคาร์ซีท

แม้ว่าคาร์ซีทบางประเภทจะมีราคาสูงมีถึงราคาหลายหมื่น แต่การเลือกซื้อคาร์ซีทมือสอง สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึง นั่นก็คือ ความเสียหายหรือความชำรุดเสื่อมสภาพของคาร์ซีท คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบให้ถี่ถ้วนนะคะ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคาร์ซีทมือสองนั้นผ่านการใช้งานมามากแค่ไหนและเคยชำรุดมาก่อนหรือไม่ ขาด หัก แตก เป็นต้น ซึ่งการเลือกซื้อคาร์ซีทใหม่ ก็ย่อมมีความปลอดภัยมากกว่า

 

4. คำนึงถึงความเหมาะสมกับรถยนต์ ความง่ายในการติดตั้ง 

แม้ว่าการซื้อคาร์ซีทมือสองจะไม่เหมาะสมเท่ากับการซื้อคาร์ซีทมือหนึ่งใหม่เอี่ยม แต่การซื้อคาร์ซีทที่ราคาแพงเกินไปก็ไม่ได้หมายความว่าคาร์ซีทนั้นจะดีเสมอไปเช่นกันค่ะ ทั้งนี้นอกจากการคำนึงถึงราคาแล้ว ก็ควรจะเลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมกับรถยนต์ และความง่ายในการติดตั้งด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ก็อาจนำมาซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในการติดตั้งขึ้นได้ และอาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อตัวลูกน้อยในอนาคต ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกให้เข้ากับรถยนต์ บางรุ่นออกแบบมาสำหรับคาดกับเข็มขัดนิรภัยซ้ายขวาได้ไม่เหมือนกัน บางรุ่นวางในรถแคบ ๆ ไม่ได้ เป็นต้น

 

การติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็กแต่ละช่วงอายุ

 

สำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนด หรือมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติทั่วไป

ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางโดยรถยนต์ ควรให้นอนในระดับที่ค่อนข้างราบ และไม่ควรเดินทางเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องเกินกว่า 2 ชั่วโมง ถ้าหากมีความจำเป็นต้องนอนราบควรจัดหาอุปกรณ์เบาะนั่งนิรภัย ที่ติดตั้งให้ลำตัวของเด็กขนานไปกับเบาะด้านหลังของรถยนต์

สำหรับเด็กอายุไม่ถึง 1 ขวบ หรือคาร์ซีทประเภท Rearward Facing Seats

ควรติดตั้งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะเสมอ (Rearward Facing Seats) ห้ามติดตั้งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะตรงที่นั่งข้างคนขับที่มีถุงลมนิรภัยแบบไม่สามารถปิดใช้งานได้ คือ ต้องปิดการทำงานของถุงลมนิรภัยแล้วเท่านั้น และใช้สายรัดแบบ 3 จุดหรือ 5 จุดตามประเภทของเบาะรถยนต์

 

 

สำหรับเด็กเล็ก อายุ 2-4 ปี หรือคาร์ซีทประเภท Forward Facing Seats

ควรติดตั้งตรงที่นั่งผู้โดยสารเบาะหลัง และหันไปข้างหน้ารถเหมือนเบาะรถปกติ หากจำเป็นต้องติดคาร์ซีทสำหรับเด็กไว้ที่ด้านหน้า ให้ปรับเบาะรถยนต์ให้ห่างจากถุงลมนิรภัยให้มากที่สุด (ทำตามคู่มือการติดตั้ง)

สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป หรือน้ำหนักมากกว่า 13 กิโลกรัม หรือคาร์ซีทประเภท Booster Seats

โดยใช้สายรัดตัวเด็กที่ติดตั้งมากับคาร์ซีทจนกว่าความสูง และน้ำหนักของเด็กจะเกินกว่าที่คาร์ซีทรองรับได้ระบุไว้

o   สำหรับเด็กน้ำหนัก 9 – 12 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 5 จุด

o   สำหรับเด็กน้ำหนัก 15 – 25 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 5 จุด

o   สำหรับเด็กน้ำหนัก 22 – 36 กก. ควรใช้สายรัดแบบ 3 จุด

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ จากบทความข้างต้นนี้ ทางผู้เขียนหวังว่า จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับคาร์ซีทสำหรับคุณพ่อคุณแม่ได้ไม่มากก็น้อยไม่ว่าจะวิธีการเลือกซื้อ การติดตั้งคาร์ซีทของแต่ละช่วงอายุ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยขณะเดินทางโดยรถยนต์รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนน การมีประกันรถยนต์ก็จะช่วยคุ้มครองแบ่งเบาภาระค่าซ่อมที่จะตามมาแบบไม่คาดคิดได้ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน หากเพื่อน ๆ สนใจทาง บริษัท กรุงศรี เจเนอรัล อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (KGIB) มีทั้งประกันรถยนต์แบบ ประกันพร้อมซื้อ และ ประกันรถยนต์ตามงบ รวมถึงมีโปรโมชันมากมาย ๆ หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ kgibsales@krungsri.com เลยนะคะ

เขียนบทความโดย NaNa

 

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก :

https://news.trueid.net

https://women.trueid.net

https://women.trueid.net

https://www.carsome.co.th

https://www.britaxthailand.com

https://www.pobpad.com