ส่องเคล็ดลับ “ชีวิตติดแกลม” แบบเงินในบัญชีไม่ติดลบ
เพราะชีวิตเรานั้นมีค่า…(ใช้จ่าย) มากมาย ทั้งค่าน้ํา ค่าไฟ ค่าบัตรเครดิต ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าทริป ค่าช้อปปิ้ง เยอะแยะมากมาย หมุนเงินจนหัวหมุน จะรอถูกหวยรางวัลที่ 1 แล้วรวยเลย ความน่าจะเป็นมีเพียง 0.0001 % หรือหนึ่งในล้านเอง :D ถ้าเราได้ใช้ชีวิตแบบที่เราอยากใช้ อยากได้อะไรก็ซื้อ อยากไปเที่ยวที่ไหน ก็ไป และยังบริหารจัดการเงินสดของเราได้ดี Cash flow ไหลลื่น ชีวิตก็แฮปปี้ว่ามั้ยคะ > < วันนี้แอดมิน LEDYNENA จาก กรุงศรี เจเนอร์รัล อินชัวร์รัน โบรคเกอร์ จะพาทุกคนตรวจเช็คสภาพคล่องทางการเงินในกระเป๋าของเรา และให้คำแนะนำวิธีบริหารจัดการเงินง่าย ๆ แบบที่ทุกคนทำได้ พร้อมตัวช่วยในการบริหารการใช้เงิน เพื่ออนาคตการเงินที่ดีกันค่ะ <3
แล้วชีวิต “ติดแกลม” นี่มันเป็นยังไงนะ ? คำว่า “ติดแกลม” มาจากคำว่า “Glamorous” แปลว่า สวย งาม มีสเน่ห์ พูดถึงคนที่ใช้ชีวิต “ติดสวย ติดหรู ติดของแพง” ทั้งแต่งตัวแพง เที่ยวหรู ดั่งมาดาม บิน first class และอิ่มหรู ร้าน Fine Dining นั่นเองค่า
แต่ ๆๆ เดี๋ยวก่อน การใช้ชีวิตลักชูอย่างมีความสุขในปัจจุบันนั้นทำได้ แต่ต้องไม่เป็นทุกข์ในอนาคตนะคะ การบริหารจัดการเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญ ช่วงนี้เราเห็นข่าวคนไทยกำลังเจอปัญหาวิกฤติหนี้ครัวเรือนสูง เกิน 90% ต่อจีดีพี ส่วนใหญ่เป็นหนี้ส่วนบุคคลไม่ก่อให้เกิดรายได้ เงินที่มีก็หมดก่อนถึงวัยเกษียณ ซึ่งสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวอีกด้วย ทีนี้เรามาลองศึกษาวิธีบริหารจัดการเงินกันค่ะ
วิธีบริหารจัดการเงินแบบง่าย ๆ ที่ทุกคนทำได้
1. ประเมินฐานะการเงินที่แท้จริง จาก “ความมั่งคั่งสุทธิ”
- สินทรัพย์ - หนี้สิน = ความมั่งคั่งสุทธิ
2. จดบันทึกรายรับรายจ่ายประจำวัน เพื่อรู้พฤติกรรมการใช้จ่ายของเรา
- รายรับ - เงินออม - รายจ่าย = เงินเหลือใช้/ เงินขาดมือ
3. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ตามหลัก SMART
S = Specific ชัดเจน
M = Measurable วัดผลได้
A = Accountable ทำสำเร็จได้จริง
R = Realistic = สามารถบรรลุผลได้
T = Time Bound มีกำหนดเวลา
แบ่งย่อยเป้าหมายออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้ค่ะ
- เป้าหมายระยะสั้น (Short-term Goal) คือ เป้าหมายทางการเงินที่ต้องการทำให้สำเร็จใน 1 ปี เช่น ต้องการออมเงินเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถือราคา 39,000 บาท ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
- เป้าหมายระยะกลาง (Intermediate-term Goal) คือ เป้าหมายทางการเงินที่ต้องการทำให้สำเร็จใน 2-5 ปี เช่น ต้องการออมเงินจำนวน 300,000 บาท เพื่อเรียนต่อระดับปริญญาโทในอีก 2 ปีข้างหน้า
- เป้าหมายระยะยาว (Long-term Goal) คือ เป้าหมายทางการเงินที่ต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี เช่น ต้องการออมเงินจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อใช้ในวัยเกษียณอีก 25 ปีข้างหน้า
4. จัดทำแผนการเงิน
จากข้อที่ 1 หลักจากรู้ ความมั่งคั่งสุทธิ และรายรับรายจ่าย แล้ว จึงทำแผนการเงินต่อ เช่น จะหารายได้เพิ่มทางไหนดี หรือนำไปลงทุนอย่างไรให้งอกเงย และยังรวมถึงการบริหารจัดการหนี้สินที่เรามีด้วยเช่นกันค่ะ
5. สำรวจหนี้สิน
“ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยสิ้นปี 2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะระดับ 91.4% ต่อ GDP โดยหนี้บัตรเครดิต ลีสซิ่ง และสินเชื่อส่วนบุคคล โตเร็วสุดในรอบ 10 ปี” ….เราเป็นหนึ่งในนั้นใช่ไหมนะ > < ในขั้นตอนทำแผนการเงิน การทำตารางสำรวจภาระหนี้สิน ที่เรามี จำเป็นมาก ๆเลยค่ะ เพราะทำให้รู้ว่าหนี้ก้อนไหนจำเป็น ก้อนไหนไม่จำเป็น อาจเป็นปัญหาในอนาคต เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เรามาเริ่มสำรวจกันเลยดีกว่า
รายละเอียดของหนี้สินที่ต้องนำมาแจกแจงประกอบด้วย
- ประเภทของหนี้ เช่น หนี้บ้าน หนี้รถยนต์ หนี้รถจักรยานยนต์ หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด หนี้ผ่อนชำระสินค้า หนี้นอกระบบ
- หลักประกันสินเชื่อ หรือสินทรัพย์เช่าซื้อ เช่น เงินสด สลากออมทรัพย์ บ้าน อาคาร ที่ดิน รถยนต์
- เจ้าหนี้ เช่น ธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล บริษัทลิสซิ่งเช่าซื้อ เจ้าหนี้นอกระบบ หรือผู้ให้ยืมเงิน เช่น ญาติ เพื่อน เพื่อให้ง่ายต่อการหาข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ หรือการหาข้อมูลเพื่อติดต่อขอเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ เนื่องจากมาตรการหรือเงื่อนไขในการช่วยเหลือ ลูกหนี้ของแต่ละสถาบันการเงินอาจมีความแตกต่างกัน ส่วนเจ้าหนี้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบสถาบันการเงิน ต้องบันทึกไว้เพื่อกันลืมเพื่อจะได้ขอเจรจาหรือวางแผนจัดการหนี้สินต่อไป
- ยอดหนี้คงเหลือทั้งหมด
- อัตราดอกเบี้ย สามารถดูได้จากสัญญาการกู้ หรือใบแจ้งหนี้ที่ระบุอัตราดอกเบี้ย และตรวจสอบให้เป็นหน่วยเดียวกันเพื่อให้สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ เช่น เปอร์เซ็นต่อปี
- จำนวนเงินที่ผ่อนชำระต่อเดือน เพื่อให้ได้เห็นภาระการผ่อนหนี้ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน ซึ่งจำนวนเงินที่ผ่อนชำระในแต่ละเดือนยังสามารถนำไปเป็นข้อมูลประกอบการคำนวณจำนวนเงินออมเผื่อฉุกเฉินหรือใช้เพื่อจัดทำแผนใช้เงินได้
หลังจากแจกแจงข้อมูลแล้ว เราจะเห็นภาพรวมของยอดหนี้ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน ซึ่งจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวางแผนเพื่อจัดการหนี้สินได้ โดยเริ่มต้นจากการจัดประเภทและเรียงลำดับหนี้สิน
1) หนี้ระยะสั้น เช่น หนี้สินที่มียอดคงเหลือน้อย หรือมีดอกเบี้ยสูง เพื่อช่วยประหยัดเงินที่ใช้ในการจ่ายดอกเบี้ย โดยหนี้เหล่านี้อาจแก้ไขได้โดยการขายทรัพย์สินมาโปะหรือปิดหนี้ เพื่อให้เรามีกำลังใจในการจัดการหนี้ได้อีกด้วย
2) หนี้ระยะยาว เช่น หนี้สินที่มียอดคงเหลือมาก มีระยะเวลาผ่อนชำระนาน ไม่สามารถขายทรัพย์สินเพื่อมาโปะหรือปิดหนี้ได้ เช่น หนี้เช่าซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ หนี้ที่อยู่อาศัย
จากนั้นเรียงลำดับตามยอดหนี้คงเหลือทั้งหมด จากน้อยไปหามาก หรือเรียงลำดับตามดอกเบี้ยและยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือนจากมากไปหาน้อย เพื่อเตรียมปิดยอดหนี้ตามความสามารถของเรา…
“การเป็นหนี้” ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะแต่ละคนมีเหตุผลและความจำเป็นในชีวิตที่ต่างกัน ทำให้เราต้องกู้เงินเพื่อซื้อทรัพย์สิน ยอมเป็นหนี้เพื่อเสริมสภาพคล่อง ถ้าเราวางแผนและมีการบริหารจัดการหนี้ที่ดี จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ไม่ขัดสน
6. ดำเนินการตามแผนอย่างเคร่งครัด
เมื่อวางแผนแล้ว ถึงเวลาลงมือทำด้วยความมุ่งมั่นและมีวินัย จริงจังและต่อเนื่อง
7. ตรวจสอบและปรับแผนตามสถานการณ์
ตรวจสอบแผนที่เราวางไว้ อย่างสม่ำเสมออย่างน้อยทุก 6 เดือน ถ้าไม่เป็นตามแผน หาสาเหตุ แล้วปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ต่อให้เราบริหารจัดการเงินได้ดีตามแผนที่วางไว้ การเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอน ก็ยังจำเป็นนะคะ
- มีเงินออมเผื่อฉุกเฉิน 3 - 6 เท่าของรายจ่ายจำเป็น และภาระผ่อนหนี้ต่อเดือน
- พิจารณาเรื่องความไม่แน่นอนของรายได้ในอนาคต ก่อนตัดสินใจกู้ยืมเงินทุกครั้ง
- หาตัวช่วยในการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย ทั้งก้อนเล็ก ก้อนใหญ่ เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เพื่ออนาคตทางการเงินที่ดี กู้เท่าที่จำเป็น เช่น การเปลี่ยนวงเงินบัตรเครดิต กรุงศรี เป็นเงินสด ด้วยฟีเจอร์ U CASH จากแอป UCHOOSE
- ตรวจสอบสวัสดิการและประกันสุขภาพที่มีอยู่ว่าครอบคลุมแค่ไหน หากไม่เพียงพอ การทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมก็อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ไม่ว่าจะวัยไหนก็ต้องวางแผนการเงิน ยิ่งเราอายุมากขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ อย่างค่ารักษาพยาบาลก็สูงขึ้นตาม โดยเฉพาะค่ารักษาก้อนใหญ่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว นอกจากวางแผนการเงินล่วงหน้าแล้ว เราจำเป็นต้องมีประกันสุขภาพไว้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ แอดมินขอแนะนำ “ประกันสุขภาพ IPD เหมาจ่ายราคาประหยัด” จาก ซันเดย์ ประกันภัย เบี้ยเริ่มต้นเพียงไม่ถึงวันละ 20 บาท *ค่าเบี้ยประกันขึ้นอยู่กับอายุของผู้ทำประกัน เบาใจเรื่องค่ารักษา และค่าห้องผู้ป่วยใน คุ้มครองเหมาจ่ายแบบ IPD ตั้งแต่บาทแรก
***ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 25,000 บาท***
**ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน**
คลิกเลย >> https://ptn.easysunday.com
ก่อนตัดสินใจทำประกัน แอดมินแนะนำให้ศึกษาแผนประกันอย่างละเอียด เช่น ความคุ้มครองที่จะได้รับ เงินชดเชย เบี้ยประกัน หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ kgibsales@krungsri.com ทางเรายินดีให้คำปรึกษาค่ะ ^^
เขียนบทความโดย LADYNENA
ขอบคุณข้อมูลดี ๆประกอบบทความจาก:
https://policywatch.thaipbs.or.th