• หน้าแรก
  • ผลิตภัณฑ์
  • โปรโมชั่น
  • เพลินจิต
  • ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
สุขภาพและความสวย

รู้หรือไม่? โรคร้ายเจอเมื่อไหร่ กระเป๋าฉีกเมื่อนั้น.. มาวางแผนกันรับมือกันเถอะ

วันที่เผยแพร่: 01 เม.ย. 65

จุดแข็ง : ประกันโรคร้ายแรง ราคาหลักร้อย

จุดอ่อน : ไม่อยากซื้อ เพราะคิดว่าไม่เป็น!

พวกเราอาจจะคิดว่าการเกิดโรคร้ายแรงสักโรคนั้น อาจจะค่อนข้างยากหรือโอกาสที่จะเป็นน้อย ด้วยเพราะสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะครอบครัวหรือคนรอบข้างเราไม่ได้มีความเสี่ยงหรือเป็นมาก่อน แต่พวกเรารู้ไหมว่า โรคร้ายแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ในปัจจุบันนี้… ไม่ได้มีปัจจัยมาจากอายุ กรรมพันธุ์ แค่นั้นแล้ว แต่สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราที่เปลี่ยนไป.. ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารที่มีไขมันสูง ทานอาหารปิ้งย่างบ่อย ๆ การดื่มเหล้าแอลกฮอล์ รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวัน การสูบบุหรี่ หรือมีการใช้สารเคมีที่เป็นประจำ และสภาวะแวดล้อมที่มีควัน ฝุ่น มลพิษต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคร้ายนั้นได้

ซึ่งเราคงบอกไม่ได้ว่าจะเกิดโรคร้ายขึ้นกับเราไหม? หรือจะเป็นเมื่อไหร่? พวกเราต่างไม่ทราบเลย และแน่นอนว่าใคร ๆ ก็คงไม่อยากจะเป็น จากประโยคคลาสสิกที่ว่า “ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” ยังคงเป็นเรื่องจริงในการดำเนินชีวิตเลยละค่ะ เนื่องด้วยหลายโรคภัยไข้เจ็บนั้นแฝงมาอยู่ในทุกรูปแบบ ทุกฤดูกาล และทุกสถานการณ์

ด้วยค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี เราคงจะไม่ได้เตรียมรับมือหรือวางแผนการเงินที่อาจเกิดขึ้นเมื่อยามเราเจ็บป่วย ไม่ว่าจะเป็นโรคร้ายแรง ได้แก่ โรคร้าย คือ โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจ ต่อมาที่โรคระบาด คือ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) หรือโรคทั่ว ๆ ไปที่ยังคงอยู่ (ไม่ว่าเป็นไข้หวัด ปวดหัว ปวดท้อง) และอาจจะมีโรคอุบัติใหม่ที่ไม่แน่นอนเกิดขึ้นมาอีกก็เป็นได้ นั่นก็เป็นเหตุที่ส่งผลกระทบความไม่มั่นคงทางการในกระเป๋าเงิน(ฉีก)ของเราได้ ซึ่งทุกคนล้วนมีความเสี่ยงกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนหรือวัยไหนก็อาจเกิดขึ้นได้ ไม่มีอะไรมารับประกันว่าเราจะไม่เจ็บป่วยได้เลย

วันนี้ทางผู้เขียนจะมาพูดถึงโรคร้ายใกล้ตัวที่สุด Top ฮิตที่สุด ที่ส่วนใหญ่นั้นเป็นเข้ารับการรักษากัน รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่อาจจะทำให้เรากระเป๋าฉีกได้โดยไม่รู้ตัว มีโรคร้ายอะไรบ้างมาดูกันเลยค่ะ

 

1. โรคมะเร็ง

พูดถึงโรคร้ายทุกคน พวกเราคงจะนึกถึงโรคมะเร็งเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน! นั่นก็คือใช่เลยค่ะ โรคมะเร็งเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตในประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโรคมะเร็งมีโอกาสเกิดขึ้นที่จะเกิดกับคนอายุน้อยเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผลกระทบภายในและภายนอกร่างกาย เป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ ทั้งนี้จะขอแบ่งมะเร็งที่เกิดขึ้นได้บ่อยออกเป็นในกลุ่มวัยทำงาน และ กลุ่มทั่วไปดังนี้ค่ะ

กลุ่มคนวัยทำงาน โรคมะเร็งที่พบได้บ่อยใน ได้แก่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ที่พบได้บ่อยในเพศชายอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งสาเหตุหนึ่งเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่ และมะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มสาววัยทำงานยุคใหม่ที่นิยมใช้ชีวิตโสด

กลุ่มคนทั่วไป ขอแบ่งตามเพศได้ คือ

  • ผู้ชาย โดยจะพบว่าป่วยเป็นมะเร็งตับและท่อน้ำดีมากที่สุด ตามมาด้วย มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
  • ส่วนผู้หญิง จะพบว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านมมากที่สุด ตามมาด้วย มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด และมะเร็งปากมดลูก

 

ปัจจุบันโรคมะเร็งถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยและมีแนวโน้มอัตราการเกิดโรคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“จากสถิติ จำนวนผู้เสียชีวิตจากการเป็นมะเร็งของคนไทยในปี 2558 จำนวน 73,938 คน/ปี เฉลี่ย 203 คน/วัน หรือเฉลี่ย 8.45 คน/ชั่วโมง โดยล่าสุดปี 2561 พบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ 112,392 คนต่อปี”

และค่ารักษาพยาบาลของโรคมะเร็งนั้นค่อนข้างสูงมาก ด้วยการรักษาที่ต้องใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และต้องมีการติดตามอาการ follow up อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการรักษาด้วยเคมีบำบัดวิทยา หรือรังสีรักษา โดยทุกกระบวนการรักษาอยู่ที่ประมาณ 300,000 ถึง 8,000,000 บาท (ตั้งแต่โรงพยาบาลรัฐ ไปจนถึงโรงพยาบาลเอกชน) แต่หากพูดถึงการรักษาแบบพุ่งเป้า Targeted Therapy เป็นการใช้ยารักษามะเร็งอย่างตรงจุดที่มีเป้าหมายเพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง (การแบ่งและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง) ซึ่งค่าใช้จ่ายจะเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าตัว ราวประมาณ 300,000 บาทต่อเข็มต่อเดือน และการรักษาอาจยืดเยื้อเป็นปีได้ หากคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ก็ประมาณ 1 ล้านบาทใน 3 เดือนเลยค่ะ

อ้างอิง : สถาบันโรคทรวงอก

2. โรคหัวใจ

โรคหัวใจเป็นอีกโรคยอดฮิตอันดับต้น ๆ ที่คนไทยป่วยกันมาก มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยปัจจุบันนี้โรคหัวใจ ไม่เลือกวัยแล้ว.. ซึ่งเดิมเราจะได้พอคุ้นกันว่า พบได้มากในผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันกลับพบว่าคนที่อายุยังน้อยหรือวัยรุ่นก็มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้มากเช่นกัน เนื่องจากคนมีพฤติกรรมเสี่ยงกันมากขึ้น การใช้ชีวิตแบบผิด ๆ ไม่ว่าจะเป็นทานอาหาร ดื่มแอลกฮอล์ สูบบุหรี่ ความเครียด ไม่ออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ ที่สะสมเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้ร่างกายเกิดความเสื่อม... และมาจาก 5 โรคเรื้อรังที่อาจนำสู่โรคหัวใจได้

ไม่ว่าจะเป็น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน โรคอ้วน หรือ โรคไต ซึ่งผู้สูงอายุมักมองว่าโรคเรื้อรังเหล่านี้...ไม่ใช่โรคร้ายแรงที่น่ากลัวแต่รู้หรือไม่ว่า? โรคเรื้อรังที่ใคร ๆ ก็เป็นนี่แหละ!! คือต้นเหตุที่นำไปสู่ “โรคหัวใจ” ในอนาคตได้ และประเภทของโรคหัวใจที่คนส่วนใหญ่มักเป็น คือ เยื่อหุ้มหัวใจ หลอดเลือดหัวใจตีบตัน กล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นต้น

“จากสถิติปี 2560 คนไทยเสียชีวิตด้วยโรคร้ายนี้ 24,597 คน/ปี หรือเฉลี่ย 2.81 คน/ชั่วโมง

 โดยค่ารักษาของโรคหัวใจเป็นหนึ่งในโรคที่มีค่ารักษาสูงมาก เริ่มต้นอาจหลักหมื่นแต่ไปจบที่ราคาหลักล้านเลย

และหากเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง มีค่ารักษาเริ่มต้นแพงมาก ๆ ประมาณ 667,000 บาท เป็นค่าตรวจโรค ค่ารักษาทางยา หรืออาจจะจี้จุดด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง ฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือใช้สายสวนจี้กล้ามเนื้อหัวใจ การจี้หัวใจค่าใช้จ่ายประมาณนั้น 200,000-300,000 บาท ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน (บางแห่ง)

3. โรคหลอดเลือดสมอง

ต่อมาที่โรคหลอดเลือดสมอง (stroke) ก็เป็นอีกหนึ่งโรคยอดฮิตติดอันดับที่คนไทยป่วยกันเยอะไม่แพ้โรคมะเร็ง และโรคหัวใจเลย และยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตและพิการกันเป็นจำนวนมาก โรคนี้ถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉินและเร่งด่วนทางการแพทย์ ที่มีค่าใช้จ่ายสูง มีความเสี่ยงชีวิตสูง และมีปัญหาซับซ้อนในการรักษาพยาบาล ต้องใช้เวลารักษาในโรงพยาบาลนาน

รายงานจากกรมควบคุมโรคระบุว่า โรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความสูญเสียจากการตายก่อนวัยอันควรเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และสูงเป็นอันดับ 2 ในเพศหญิง และอัตราการตายด้วยโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นทุกปี และยังพบว่า โรคหลอดเลือดสมองมีอัตราการตายมากกว่าโรคเบาหวาน และโรคหัวใจขาดเลือดเป็น 1.5 - 2 เท่าตัว

"จากสถิติปี 2560 คนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมอง 44,550 คน/ปี หรือเฉลี่ย 5 คน/ชั่วโมง และสถิติมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ"

ซึ่งโรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เพราะหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแตก ทำให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลาย ส่งผลให้การทำงานของสมองหยุดชะงัก และแม้ว่าโรคนี้จะสามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ แต่ก็ต้องได้รับการดูแลโดยเร็วที่สุดในเวลาที่จำกัด จึงถือได้ว่าเป็นโรคที่มีโอกาสเสี่ยงกันทุกคนและทุกวัย และเมื่อเป็นแล้ว โอกาสที่จะหายกลับมาเป็นปกติ 100% นั้นค่อนข้างยาก บางรายถึงกับพิการหรือเป็นอัมพาตก็มีอยู่มาก ซึ่งในปี 2561 มียอดผู้พิการจากโรคหลอดเลือดสมอง 250,000 คนต่อปี แล้วแน่นอนว่าค่ารักษาก็สูงมากเช่นกัน โดยมีค่ารักษาราวประมาณ 110,000 ถึง 800,000 บาท ค่ารักษาโรคหลอดเลือดสมอง เป็นค่าใช้จ่ายที่ ควบคุมยากที่สุด เพราะเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะล้มป่วยรูปแบบไหน หากเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน แน่นอนว่าค่ารักษาก็ฉุกเฉินตามไปด้วย หากพิการตั้งแต่อายุยังน้อย ภาระทั้งหมดจะต้องตกเป็นของคนรอบข้าง รายได้ไม่มี ในขณะที่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

จากโรคร้ายที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของโรคร้ายอีกมากมายหลายโรค ไว้ทางผู้เขียน เพลิน.จิต ตามติดชีวิตอินเทรนด์ จะมาอัพเดตและเล่าต่อกันใน EP. หน้าติดตามตอนต่อไปกันได้เลยนะคะ อย่างไรก็ตาม เราไม่รู้ว่าโรคร้ายจะมาเยือนตอนไหน เราทุกคนมีความเสี่ยงจากโรคร้ายแรงอยู่เสมอ ถ้าวันหนึ่งโรคร้ายที่แอบซ่อนดันปรากฏตัวเร็วกว่าที่เงินเก็บที่ค่อย ๆ เติบโต พวกเราจะทำเช่นไร? เพราะฉะนั้น ตอนที่ยังมีสุขภาพดี การโอนความเสี่ยง คือ ตัวช่วยที่เหมาะสมที่สุด สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมรับความเสี่ยงเหล่านี้ไว้เอง หากเตรียมตัวรับมือกับโรคร้ายแรงไว้ดีพร้อมและอย่างเหมาะสมแล้ว เราจะสามารถเปลี่ยนเงินหลักร้อย เป็นค่ารักษาหลักล้านได้ ด้วยการทำประกันโรคร้ายไว้ ซึ่งถือว่าเป็นตัวช่วยหลักในการหาทางออกได้ดีเลยทีเดียว ทางบริษัท กรุงศรี เจเนอรัล อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด มีโปรโมชั่นสุดปังมาให้แฟนคลับของเราได้เลือกซื้อกัน 

โดยรับเครดิตเงินคืน 10%** (จำกัดเครดิตเงินคืนสูงสุด 200 บาท ต่อการทำรายการ)  

มาด้วยแผนประกัน 3 แพคเกจแบบ เจอปุ๊บ จ่ายจบปั๊บ ทุกตัว!!

ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจทำประกันตัวใดก็แล้วแต่ แอดมินแนะนำให้ศึกษาแผนประกันอย่างละเอียด หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ kgibsales@krungsri.com การพิจารณารับประกันเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯโปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยนะคะ

อย่างไรก็ตามคงไม่มีใครอยากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง หรือแม้แต่ชื่อก็ไม่อยากที่จะได้ยิน ขอให้เพื่อน ๆ เพียงปรับพฤติกรรมของตัวเอง ใส่ใจตัวเองและครอบครัวของท่านมากขึ้น เน้นทานผักสีเขียว ออกกำลังกายเป็นประจำและทำสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน และทานอาหารทีมีประโยชน์ ลดการทานอาหารที่รสจัด ปรุงน้อย ๆ ดีที่สุดค่ะ ด้วยรักเป็นห่วง😊