5 สถานที่วิ่งเทรล รับลมหนาวปลายปีนี้ที่ไม่ควรพลาด
ในที่สุดก็เข้าช่วงหน้าหนาวปลายปีแล้ว แน่นอนว่าเป็นช่วงที่เหมาะกับการท่องเที่ยวมากที่สุด นักวิ่งสายเทรลทั้งหลายที่กำลังมองหาสถานที่ฝึกซ้อม ที่มาพร้อมกับบรรยากาศฟินๆ รับลมหนาวปลายปีนี้ วันนี้ทางแอดมิน เพลิน.จิต ตามติดชีวิต อินเทรนด์ มี 5 สถานที่ ที่เหมาะกับการวิ่งเทรลมาฝาก แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักการวิ่งเทรลกันก่อนนะคะ
การวิ่งเทรลคืออะไร? การวิ่งเทรล หรือ Trail Running ก็คือการเดิน-วิ่งแบบผจญภัยไปพร้อมๆ กับการสัมผัสธรรมชาติตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะลุยป่า ขึ้นเขา ฝ่าดงพงหญ้า น้ำตก ลำธาร หรืออุปสรรคต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย จนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเจอเส้นทางแบบใด รับรองว่าประสปการณ์แบบนี้หาไม่ได้จากการเดิน-วิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะอย่างแน่นอน
เหมาะกับใครกันบ้าง? แน่นอนว่าต้องเหมาะสำหรับนักวิ่งที่อยากลองอะไรใหม่ๆ ชอบความท้าทาย มีความอดทน ผจญกับความเหนื่อยล้าได้ ชอบป่าชอบเขา รักธรรมชาติ และควรเตรียมอุปกรณ์ติดตัวจำพวก หมวก แว่นกันแดด ถุงมือ ปลอกแขน รองเท้าเทรลไปให้พร้อม และท้ายสุดสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ร่างกายที่ขยัน มีวินัยในการฝึกซ้อม รวมถึงพลังใจ อันนี้สำคัญที่สุดค่ะ
ต่อมาเรามาแนะนำ 5 สถานที่เช็คอินรับลมหนาวสำหรับนักวิ่งสายเทรลกันดีกว่า จะมีที่ไหนบ้าง ฟิน ชิลล์กับบรรยากาศแค่ไหน มาดูกันเลยยค่ะ
1. เขากระโจม จ.ราชบุรี
เริ่มต้นกันด้วยสนามวิ่งเทรลที่นักวิ่งหลายคนชื่นชอบ เพราะเดินทางไม่ไกลเพียง 120 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ คือ เขากระโจม จ.ราชบุรี อยู่ติดชายแดนพม่า สูง 1,004 เมตรจากระดับน้ำทะเล อากาศเย็นชื้นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงนี้จะมีหมอกปกคลุมในช่วงเช้ามืดให้นักวิ่งทั้งหลายได้ดื่มด่ำสูดอากาศดีๆ โดยเส้นทางวิ่งในช่วงกิโลเมตรแรกๆ ยังถือว่าสบายๆ เพราะเป็นถนนลาดยางต่อด้วยทางหินเป็นเนินสูงชัน ไปจนถึงป้ายวัดใจที่เขียนว่า “จุดกลับใจ” ซึ่งแน่นอนว่านักวิ่งทั้งหลายเห็นแล้วต้องฮึบสู้ต่อ สภาพเส้นทางจะเป็นลูกรังผสมกับทางดินไปเรื่อยๆ จนถึง “ผาเขาคอด” ซึ่งจุดนี้เป็นอีกจุดชมวิวที่นักวิ่งนิยมแวะพักถ่ายรูป สัมผัสธรรมชาติอันสวยงาม ช่วงกิโลเมตรท้ายๆ ก่อนถึงยอดเขากระโจมถือว่าดุเดือดพอตัว เส้นทางวิ่งเต็มไปด้วยก้อนหินเล็กใหญ่ และเนินชันทางขรุขระที่ต้องไต่ขึ้นไป ปิดท้ายกันด้วยดาวน์ฮิลล์สั้นๆ ก่อนจบทริป แนะนำเลยสำหรับนักวิ่งเทรลคนไหนที่อึดๆ ต้องไม่พลาดมาลองฝึกความท้ายท้ายที่นี่กันนะคะ
2. อุทยานแห่งชาติพุเตย จ.สุพรรณบุรี
สถานที่ที่วิ่งเทรลต่อมา เราจะพามาที่ อุทยานแห่งชาติพุเตย อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ราวประมาณ 3 ชั่วโมง นักวิ่งเทรลจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่เพื่อพิชิต ยอดเขาเทวดา ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดแห่งเมืองสุพรรณฯ มีความสูง 1,123 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยเส้นทางวิ่งเทรลจะมีระยะหลากหลายกิโลเมตรแล้วแต่รายการวิ่งที่จัดขึ้น อุทยานแห่งนี้เต็มไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีป่าไผ่ กิ่งไม้ เถาวัลย์พัวพันระโยงระยาง น้ำตกแก่งหินมากมาย และที่สำคัญไฮไลท์ของเส้นทางนี้ คือ การได้ปีนผาไต่น้ำตก ให้ความรู้สึกหวาดเสียว มีการโรยตัวตามแนวน้ำตก สร้างความตื่นเต้นให้แก่นักวิ่งเทรลมิใช่น้อยเลย อย่างไรก็ตาม..สายเทรลทั้งหลายห้ามพลาดกันนะคะ
3. อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จ.เพชรบูรณ์
อีกหนึ่งสถานที่ที่นักวิ่งเทรลไม่ควรพลาด ไกลจากกรุงเทพ ฯ ขึ้นมาหน่อย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง คือ อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง หรือเป็นที่รู้จักกันว่า “ทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย” จ.เพชรบูรณ์ เส้นทางวิ่งเทรลที่นี่ จะมีระยะทางเริ่มต้นตั้งแต่ 5 กิโลเมตรขึ้นไป จะเหมาะทั้งมือใหม่หัดเทรลและนักวิ่งมือโปรเลยก็ว่าได้ สภาพเส้นทางจะเป็นลักษณะขึ้น - ลงเขา สลับกับทางราบเป็นบางช่วง พื้นดินปนทราย มีชันบ้าง โหดบ้าง พอให้นักเทรลทั้งหลายได้รู้สึกตื่นเต้นกัน ระหว่างทางนั้นเต็มไปด้วย ต้นไม้ใบเขียวที่อุดมสมบูรณ์ มีป่าเฟิร์น ป่าสนสองใบ ลานหิน ลำห้วย และแน่นอนไฮไลท์ของเรา คือ ทุ่งหญ้าสะวันนาและทุ่งหญ้าสลับกับป่าสนสองใบ ระหว่างทางอาจพบกวางและเนื้อทรายออกมาเล็มหญ้าอยู่บ้าง ถ้านักวิ่งท่านใดสนใจมาซ้อมที่นี่ แอดมินขอแนะนำเป็นในช่วงปลายหนาวนะคะ ทุ่งหญ้าทั้งผืนจะกลายเป็นสีทอง พร้อมรับลมหนาวฟินๆ ทะเลหมอกฟุ้งๆ และวิวทิวทัศน์ที่สุดแสนจะอลังการ หากท่านใดได้ไปลองสัมผัสดูสักครั้ง ไม่แน่อาจจะติดใจกลับมาเยือนอีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ
4. ดอยหนอก จ.ลำปาง
Credit by : ดอยหนอกพาเพลิน by.ลุงนิคม
มาต่อกันสถานที่วิ่งเทรลต่อไป เราพามาขึ้นเหนือไต่สุดโหดกันที่ ดอยหนอก จ.ลำปาง ดอยหนอกนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติดอยหลวง ที่มีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ เชียงราย ลำปาง และพะเยา เป็นอีกหนึ่งขุนเขาสูงแห่งภาคเหนือที่มีรูปลักษณะประหลาดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมีลักษณะเป็นภูเขาหินสูงแหลมปลายมน ดูลึกลับ มีเสน่ห์ แต่แฝงไปด้วยความโหดร้ายของเส้นทางสุดโหดเลยก็ว่าได้ สนาม "ดอยหนอกเทรล" จะมีระยะทางเริ่มต้นตั้งแต่ 5 กิโลเมตรเป็นต้นไป ซึ่งก็แล้วแต่แต่ละรายการวิ่งที่จัดให้ เส้นทางวิ่งขาขึ้นก็จะเป็นช่วงเขายาวๆ สลับกับทางลงที่ชันมากๆ บุกป่าฝ่าดง นักวิ่งเทรลจะได้สัมผัสกับธรรมชาติ ชมวิวหมอกสวยๆ อย่างใกล้ชิดแน่นอน พอมาถึงช่วงดอยหนอก จะมีดาวน์ฮิลล์สไลด์ลงมาสร้างความท้าทายให้นักวิ่งเทรลกันมิใช่น้อยเลย สายเทรลท่านใดอยากมาปะลองฝีมือกันที่นี่ ต้องฝึกซ้อมกันอย่างจริงจังมากด้วยประสบการณ์ เตรียมร่างกายไปให้พร้อม แล้วมาพิชิตเส้น "ฟินิชเชอร์" กันให้ได้นะคะ
5. ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่
มาถึงสถานที่วิ่งเทรลที่สุดท้ายกัน เราจะพามาลุยพิชิตกันที่ภาคเหนือสูงสุดแดนสยาม นั่นก็คือ ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย เป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวหลายคนมุ่งหน้ามารับลมหนาวเลยก็ว่าได้ค่ะ รวมถึงเหล่านักวิ่งเทรลด้วย ยิ่งอากาศเย็นๆ แบบนี้ วิ่งท้ารับลมหนาวกันไปเลยจ้า เส้นทางวิ่งเทรลจะมีหลายระยะทางด้วยกัน โดยวิ่งรอบดอยอินทนนท์ ซึ่งก็แล้วแต่รายการนั้นๆ ที่จัดขึ้นมารองรับ
เส้นทางวิ่งที่ดอยอินทนนท์นี้ มีความหลากหลายทางชีวภาพเปลี่ยนไปตามระดับความสูง นักวิ่งเทรลส่วนใหญ่จะมาฝึกไต่ระดับเขากัน โดยความสูงจะไล่ระดับจาก 400 เมตร ถึง 2,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศทะเลหมอกยามเช้าแล้ว ยังจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวม้ง และ ปกาเกอะญอ พร้อมชมแปลงเกษตรตามโครงการหลวงในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 อาทิ ทุ่งดอกเบญจมาศ ไร่กาแฟ ไร่สตอร์เบอรี่ และ ทุ่งนาข้าวขั้นบันไดอีกด้วย นักวิ่งเทรลท่านใดยังไม่เคยไปทดสอบต้องลองไปกันสักครั้งนะคะ
เป็นอย่างไรบ้างคะ ทั้ง 5 สถานที่วิ่งเทรลที่นำมาฝากวันนี้ ยังไงก็ตาม..ก่อนที่เราจะลุยสนามจริงกัน แอดมินขอแนะนำให้ทุกท่านศึกษาเส้นทางวิ่งและรายการวิ่งนั้นๆ ให้ดีเสียก่อน รวมถึงการฝึกฝนในการซ้อมวิ่งเทรล ฝึกกล้ามเนื้อต้นขา และฝึกเทคนิคการกำหนดลมหายใจ เนื่องด้วยเส้นทางวิ่งเทรลแต่ละพื้นที่ มีลักษณะผืนธรรมชาติที่แตกต่างกัน ความอันตราย ความยากลำบาก เนิน สูงชัน และเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตพอควร ดังนั้นประกันอุบัติเหตุ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ จะเกิดอะไรขึ้นในเส้นทางข้างหน้า เราอาจสะดุด หกล้ม ชนก้อนหิน หรือลื่นตะไคร้น้ำในระหว่างทางวิ่ง ก็เป็นได้
การมีประกันอุบัติเหตุก็จะช่วยให้นักวิ่งเทรลทั้งหลาย วิ่งได้อย่างมั่นใจและสบายใจขึ้น ทั้งนี้แอดมินขอแนะนำ ประกันอุบัติเหตุเจ็บอุ่นใจ เริ่มต้นเพียง 299 บาทต่อปี และสามารถเลือกซื้อค่ารักษาพยาบาล หรือค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เพิ่มเติมได้ หากสนใจคลิกเลย https://www.krungsribroker.com/accident หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ kgibsales@krungsri.com ครั้งถัดไปทาง เพลิน.จิต ตามติดชีวิต อินเทรนด์ จะมีอะไรสนุกๆ มาเล่ามาแชร์ให้ฟังอีก อย่าลืมรอติดตามกันนะคะ